กลายเป็นเรื่องราวดราม่าข้ามปี และยืดเยื้อมานานหลายเดือนจริงๆ ระหว่างผู้กำกับชื่อดัง พชร์ อานนท์ และนักแสดงหนุ่มวัยรุ่นในสังกัด นิก คุณาธิป ปิ่นประดับ ที่ก่อนหน้าต่างฝ่ายต่างก็ออกมาโพสต์ฉะกันไปมา จนถึงขั้นเตรียมฟ้องกัน แต่ละคนต่างก็จ้างทนายมาพูดคุยในเรื่องนี้ด้วย
ต่อมาจะเห็นว่านิกได้ออกมาโพสต์อินสตาแกรมว่า
ตนนั้นเป็นอิสระจากสัญญาของพี่พชร์แล้ว แต่อีกฝ่ายบอกว่ายังมีสัญญาอยู่ และล่าสุดวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา พชร์ก็ได้โพสต์ภาพ เอกสารคำสั่งศาล พร้อมหมายเรียกนิกลงอินสตาแกรม วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา นิกก็ได้โพสต์รูปข้อความผ่านอินสตาแกรม มีข้อความว่า มันเหนื่อยนะเหนื่อยมาก แต่เชื่อว่าทุกคนให้กำลังใจอยู่ ทนสู้บอกตัวเองทุกวัน … โลกสมัยนี้มันโหดร้ายนะสู้ไปด้วยกัน พร้อมแคปชั่นเป็นรูปอีโมจิยกมือไหว้
หลังจากที่นิกลงรูปไป แฟนสาวอย่าง แตงโม นิดา ก็ได้เข้ามากดไลค์ พร้อมคอมเมนต์ว่า สู้ไปด้วยกัน หลังจากนั้นนิกก้ได้ตอบกลับว่า อย่าท้อสู้แค่ตาย
หลังจากที่มีคนมาพาดพิงถึงคุณแม่ในทางเสียๆ หายๆ ดาราสาว ทราย เจริญปุระ ก็ได้ทำเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหายไปแล้ว งานนี้เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจสัมภาษณ์ในรายการ เรื่องลับมาก (NO CENSOR) ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ถึงเรื่องคุณแม่ และเรื่องความรักด้วย
จริงๆ เรื่องโดนด่ากับทรายเป็นของคู่กันอยู่แล้ว หนูว่าเรา 2 คนน่าจะโดนจนชิน เพราะเราเป็นคนสาธารณะ ลำพังเราถือว่าปกติ เราเข้าใจได้ แต่การพาดพิงไปถึงแม่ในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องมันไม่ใช่ และเรื่องเกิดขึ้นในช่วงที่คุณแม่ทรายเสียชีวิตได้ไม่นาน มันเหมือนเอาจุดที่เรากำลังอ่อนแอที่สุดมาทำร้ายเราอีกที ก็ไม่คิดว่าจะไปได้แรงขนาดนั้น เราคิดว่าเถียงก็เถียงกันปกติ ด่าก็ด่ากันเอง ปกติมากไม่เป็นไร มีคำด่าเยอะแยะที่ใช้ได้ แต่ทรายเพิ่งทำบุญ 100 วันไปเมื่อต้นเดือนนี้เอง มันมากไป
ไม่ง่ายเลยค่ะ ตอนพ่อเสียทรายก็ยังมีแม่เป็นหลักอยู่ ตอนพ่อป่วย ทรายออกไปทำงาน แต่พอเรากลับมาบ้านเราก็ยังได้เจอเขาทั้งคู่ ถึงแม้พ่อจะไม่สบายเยอะแล้ว แต่ตอนแม่ไม่อยู่ ช่วงท้ายๆ ของชีวิตเขาสื่อสารไม่ได้แล้วด้วย เราต้องอาบน้ำให้ ป้อนข้าวอยู่ที่บ้าน มันก็ยากแล้ว เหมือนเรื่องท้ายๆ ที่เราคุยกับเขาคือแม่อยากกินอะไร มะม่วงหรือฝรั่ง
ก็หนักค่ะ แต่มีคนช่วย มีน้องช่วย พี่เลี้ยงคอยช่วย ต้องดูแลระหว่างวันด้วย เพราะเราต้องป้อนข้าว ทำอะไรให้เขา แต่มันไม่เหมือนเคย ปกติทรายมีอะไรกับแม่ก็คุยกันเลย หรือหลังๆ ทรายไปทำงานคนเดียวแม่ก็โทรมาถาม วันนี้เป็นยังไง เจออะไร เขาจะคอยคุยกับเราเรื่อยๆ พอวันนึงเราต้องมาทำเองทุกอย่าง ก็รู้สึกว่าโห ตอนนั้นแม่เขาก็ทำอะไรให้เราเยอะเหมือนกัน
ถ้าไม่มีแม่ ทรายคงไม่ได้ทำอะไรหลายอย่างขนาดนี้ แม่เขามีความเชื่อมั่นในตัวเรามากว่าเราทำได้ เหมือนเรื่องหนังนางนากตอนที่เล่น มีบางฉากทรายเล่นไม่ไหวแล้ว ทรายร้องไห้จนไม่มีน้ำตา จนจะยกกองแล้ว แม่เขาก็เดินมาแบบ พี่ทรายไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวเรากลับบ้านกันนะลูก แค่นั้นทรายร้องไห้เลย ไม่ได้แล้ว เราต้องไม่ทำให้แม่ผิดหวัง เขาจะมีโมเมนต์อะไรแบบนั้น เราฟังแล้วเฮ้ย ไม่ได้ เราต้องทำได้สิ มาถึงขนาดนี้แล้ว บางทีเขามีบ่นมีอะไรบ้างตามประสาแม่กับลูกสาว
คำสอนของแม่ที่ทรายคิดว่ามีส่วนกับการใช้ชีวิต?
แม่สอนให้ทรายอยู่คนเดียวให้ได้ เขาบอกว่าสำคัญมาก ทรายเป็นลูกสาวคนโต ผู้หญิงต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ ดูแลตัวเองให้ได้ เราเป็นพี่คนโตของน้องด้วย ต้องเป็นหลักให้น้องอีก 2 คน มันจะมีบางช่วงที่ทรายต้องออกไปทำงานคนเดียว น้องชายทรายลาออกมาดูคุณพ่อ เราอยากไปเที่ยวกับเพื่อน พอต้องไปไหนคนเดียวมันก็แปลก บางทีถามแม่ว่าทรายหาเพื่อนไปด้วยได้มั้ย แม่บอกทำไมต้องหาใครไปด้วย อยู่คนเดียวกินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียวมันจะเป็นอะไร แรกๆ ทรายแปลกๆ เพราะคนชอบถามว่ามากับใคร เราบอกว่ามาคนเดียว คุณแม่อยู่บ้าน เวลาไปกองถ่ายคนเยอะแยะ หลากหลายประเภทมาก แม่เขาอยากให้ทรายอยู่ให้ได้ วางตัวให้ดี ไปคนเดียวให้ได้ สร้างปัญหาให้น้อย
โดนแม่ตีครั้งเดียวในชีวิตแล้วไม่โดนอีกเลย เอาปลาทองมาตากแดดค่ะ จะมีหัวดุ๊กดิ๊ก มันน่ารัก เราเลยตักมาดู เอามาวางบนพื้นหญ้า แม่เห็นก็จับเอาปลาคืนบ่อ แม่บอกว่าอันนี้ไม่ดีนะ ไม่ทำ ถ้าทำแม่จะตี แต่แม่ไม่เคยตีทรายเลย เราก็เลยรู้สึกว่าไม่หรอก ไม่มั้ง ก็ตักใหม่เอามาวาง แม่เห็นอีกทีฟาดเลยค่ะ โอเคยอม
ทรายดูจากสิ่งที่พ่อทำ พ่อทรายเป็นฟรีแลนซ์มาทั้งชีวิต แต่เขาดูแลลูกได้ดีมาก ไม่เคยเอาปัญหามาบ่นที่บ้านว่าเหนื่อย เครียด ต้องบริหารเงินยังไง ลูกๆ ได้เรียนได้เที่ยวครบทุกอย่าง ตอนนั้นก็เฉยๆ ธรรมดา แต่พอโตมาแล้วบริหารเอง เราก็รู้สึกว่าพ่อไม่เครียดได้ยังไง ชีวิตฟรีแลนซ์ที่ไม่มีหลักประกันอะไรเลย ความแน่นอนไม่มีเลย เขาดูแลเรา เลี้ยงเรามาได้จนโตอย่างดี อย่างเต็มที่ของเขา เขาก็มีความสุขให้เราเห็นเสมอ ไม่เคยเอาปัญหามาบ่นที่บ้าน
จริงค่ะ หนูเล่นหนังผีบ่อย แม่ทรายไม่ชอบขับรถกลางคืน เพราะสายตาไม่ดี แต่พอลูกต้องไปถ่าย เขาก็ต้องไปด้วย ไปขับรถให้ เขาบอกว่านี่ไม่ใช่ธุระของฉันเลย ตอนมีสามีเป็นดารา พ่อแกเลี้ยงดูฉันเป็นอย่างดี แต่พอเป็นแม่แกซึ่งเป็นดาราทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ แล้วเล่นหนังผีถ่ายตี 3 ตี 4 เราก็ง่วงจะหลับ แม่บอกว่าห้ามหลับ พาฉันมาต้องอยู่คุยเป็นเพื่อน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป